Category ข่าวบันเทิง

จบรักครั้งเก่าไปนาน แต่นางเอกสาว มุก วรนิษฐ์ ถาวรวงศ์ ก็ยังถูกโยงไม่จบ หลังจากสาว เทีย เดอะ เฟซ อัปรูปยิ้มคู่ มุก ในไอจีสตอรีและก็ มุก ก็รีโพสต์ ตรงกับช่วงที่ จีน่า–วิรายา เดอะเฟซ ออกมายอมรับ ว่าเลิกรากับ ทอย–ปฐมพงศ์ อดีตแฟนหนุ่มของ มุก ซึ่ง เทีย และก็ จีน่า ก็เคยกลายเป็นประเด็นกัน

พบ มุก ร่วมงานแถลงข่าว “GMM TV 2023 : DIVERSELY YOURS” เลยคว้าตัวมาเคลียร์ ถึงเรื่องที่ มีคนโยงหลังจาก เทีย แท็กสตอรีเรามา?

“ อ๋อ เค้าแท็กสตอรีมา เราก็รีโพสต์เท่านั้นเลย ”

มันเป็นตอนที่จีน่าเลิกกับทอย คนก็เลยจับโยง เพราะเหตุว่าเทียก็เคยมีประเด็นกับจีน่า?

“ หนูไม่เกี่ยวกับประเด็นนั้นแล้วดีกว่า คือเพื่อนแท็กสตอรีมา เราก็รีโพสต์เป็นเรื่องปกติ มุกตกใจเรื่องประเด็นติ๊กต่อกมากกว่า มันจะมีอันหนึ่ง ที่ลิปซิงก์ยาว ๆ ซึ่งอันนั้นมันปีกว่าแล้ว แล้วมีคนเอามาลงอีกครั้งหนึ่ง แล้วแอปก็เก่ง พอมีเรื่องก็ดึงขึ้นมา ทำให้คนพูดถึงกัน แต่จริง ๆ หนูไม่ได้เกี่ยวข้อง เวลานี้ชีวิตหนูมีความสุขดี ”

เวลาคนจับโยงมันส่งผลกระทบกับเรามั้ย?

“ เพื่อน ๆ ก็ส่งมาว่า เฮ้ย เราโดนดึงเข้าไป พูดถึงอีกแล้ว ซึ่งชีวิตมุกมันไปเรื่องอื่นแล้ว ถามว่ามีคอมเมนต์ด้านลบเยอะมั้ย มุกไม่ค่อยได้รับอะไร ที่มันเป็นด้านลบ มุกคิดว่าอะไรที่มันผ่านไป และก็ให้มันผ่านไป ทุกอย่างมันเคลียร์ไปแล้ว”

แล้วสถานะหัวใจเราเวลานี้มีใครใหม่หรือยัง?

“ ไม่มีเลย โสดค่ะ จีบได้นะคะ (หัวเราะ) คือก่อนหน้านี้ที่ถ่ายรูปกับน้อง ๆ ผู้ชาย หนูก็จะมีแคปชันว่า ป.ล.อันนี้ถ่ายแบบนะ อันนี้น้องนะ กลัวว่าพอเห็นปก ก็จะคิดว่าคนนี้แฟนมุก เลยไม่ได้ ๆ เรายังโสดอยู่ ประเดี๋ยวไม่มีใครเข้ามา ”

มีคนเข้ามา จีบบ้างมั้ย?

“ ก็มีบ้างค่ะ แต่ตัวมุกเวลานี้เป็นช่วงอยู่กับเพื่อน แล้วเราชอบคนยากขึ้น เหมือน ว่ากำแพงหนูสูงขึ้น เพราะเหตุว่าเราก็คงจะต้องศึกษาใครนาน ๆ กลัวว่าคบแล้วจะเข้ากันมิได้ ความกังวลใจของหนู มันเพิ่มมากขึ้นแบบทวีคูณค่ะ ”

รีวิวหน่อยหนุ่มที่เข้ามาต้องเป็นแบบไหน?

“ หนุ่ม ๆ ที่เข้ามาก็อยากที่จะให้เป็นเพื่อนกันได้ มีความหวังดีต่อกัน และก็หล่อหน่อยก็ดีค่ะ (หัวเราะ) ชอบคนหล่อค่ะ แต่ต้องเป็นคนดีค่ะ อันนี้สำคัญที่สุดเลย ”

ถามเรื่องที่ เมฆ–จิรกิตต์ พี่ชายเราหมดสัญญากับ GMMTV แล้ว เค้ามีมาปรึกษาเรามั้ย?

“ ก็เป็นการตัดสินใจของเค้าค่ะ เค้าก็มีคิดอยู่ว่า เค้าจะไปทางไหนดี แต่เท่าที่มุกได้ยินคือเค้าต้องการไปศึกษาต่อ อยากรู้ว่าตนเองชอบอะไร รู้สึกว่าเค้าจะไปยังต่างประเทศนะ เค้าเป็นคนติสต์ เราไม่ทราบจริง ๆ ว่าเค้าจะเอายังไงกันแน่ เราก็ตามใจพี่ชายค่ะ ตัวเค้าก็มีความชอบหลายอย่าง เวลานี้เค้าก็เริ่มชอบธุรกิจแล้ว ก็จะต้องลองดูว่าต่อไป เค้าจะเป็นยังไง ”

มุกยังมีความสุขกับการเป็นนักแสดงในสังกัดใช่มั้ย?

“ ใช่ มุกพึ่งจะเซ็นสัญญาไปค่ะ ต่ออีก 5 ปีค่ะ รวมและก็เป็น 15 ปี เรามิได้มีปัญหา กับค่ายทั้งพี่เมฆทั้งมุกเลย ตอนเซ็นสัญญาใบแรก มุกมีความคิดว่าเราต้องการทำงานเยอะ ๆ เราคาดหมายเยอะ พอสัญญาใบที่สอง เราก็เริ่มขอบทบาทที่มันอยากทำ แต่พอเป็นใบที่สามแล้ว ก็มีความคิดว่าต้องการเป็นตัวเอง ต้องการทำอะไรเราก็ทำ ไม่อยากทำหนู ก็ขอพูดได้มั้ย เวลานี้มุกก็มุ่งหน้า มาทางธุรกิจเช่นกัน ”

“มุก วรนิษฐ์” ต่อสัญญาสังกัดเดิม5ปี แจง คลิปติ๊กต๊อกเป็นคลิปเก่าไม่ได้ กล่าวถึงใคร

หลังจากที่ ดาราหนุ่มหน้าใสอย่าง “เมฆ จิรกิตติ์ ถาวรวงศ์” พี่ชายของ “มุก วรนิษฐ์” ได้ออกมาประกาศ ไม่ต่อสัญญากับสังกัดเดิม และก็ผันตัวเป็นนักแสดงอิสระ

ปัจจุบัน น้องสาวอย่าง “มุก วรนิษฐ์” ได้เปิดเผย ถึงประเด็นนี้ว่า ” มุกก็ตามใจพี่ชายค่ะ มุกก็มีความคิดว่าถ้าหาก เราทำงานแวดวงต่อมัน ก็มีโอกาสนะ แต่ตัวเขาเอง ก็มีอะไรหลาย ๆ อย่างที่ต้องการทำ เวลานี้เขาก็เริ่มถูกใจธุรกิจแล้วด้วย ต่อไปเค้าจะเป็นยังไงก็ยังให้กำลังใจเขา เวลานี้เท่าที่ทราบ คือเขาพักงานวงการไปก่อนเลย แต่ไม่กี่เดือน เขาขออยู่กับตนเองก่อน ว่าจริง ๆ แล้วตนเองชอบอะไร

ก็ถือว่าไม่ใช่ข่าวร้าย ไม่ใช่ข่าวดี ถือเป็นการเติบโต การเปลี่ยนผ่านของชีวิต มิได้ถึงกับขนาดอำลาวงการ ส่วนของมุก ก็พึ่งจะเซ็นสัญญาไปค่ะ ต่ออีก5 ปีค่ะ รวม ๆ และก็เป็น 15 ปี ถ้าหากจะพูดว่าเรามีปัญหาอะไร กับค่ายหรือไม่ จะต้องพูดว่าไม่มี ทั้งพี่เมฆ ทั้งมุกเลย ก็รักตรงนี้มากค่ะ อย่างสัญญาใบแรกมุก ก็ต้องการจะทำงานเยอะ ๆ ต้องการลองทำอะไรใหม่ ๆ เยอะๆ ต้องการเล่นซีรีส์เยอะ ๆ เราคาดหมายเยอะ

อย่างสัญญาใบที่สอง เราก็เริ่มต้องการทำบทที่ต้องการทำเพิ่มมากขึ้นค่ะ แต่พอเป็นใบที่สาม ก็มีความคิดว่าต้องการเป็นตัวเอง ต้องการทำอะไร เราก็ทำ ไม่อยากทำอะไรหนู ขอพูดได้ไหม ขอความเห็นกันอย่างงี้อะค่ะ ในแง่บทบาทมุกคิดว่ามุกต้องการ ทำอะไรที่มันสุขใจ ดูแลสุขภาพ ดูแลครอบครัว 3ปีที่แล้วมุกเสียคุณพ่อ ต้องการโฟกัสชีวิตเพิ่มมากขึ้น ไม่อยากเสียอะไร ไปอีกแบบนี้ค่ะ ”

นอกเหนือจากนี้ “มุก วรนิษฐ์” ยังได้อธิบายถึง คลิปในติ๊กต๊อก ที่เจ้าตัวลิปซิงก์ เป็นเรื่องราวในประมาณว่าถูกแย่ง คนที่ชอบไป แล้วมีคนเอาไปโยงพาดพิงถึงคนอื่นนั้น

ซึ่งสาวมุก ก็ได้เปิดเผยว่าคลิปดังกล่าว เป็นคลิปเก่าปีกว่าแล้ว ก็มีคนเอามาลงใหม่ คนก็พูดถึงกัน เอาไปโยง คือตัวเราเราเองไม่เกี่ยวข้อง กับเรื่องของใคร ต้องการพูดว่าทุกคนมันไม่เกี่ยวกับหนูแล้วนะ เวลานี้หนูก็มีความสุขดี ส่วนสถานะหัวใจปัจจุบันนี้ยังโสด.

หนังสายรางวัล ก็เริ่มคืบคลานมาเปิดฤดูกาลในประเทศไทย แบบเบา ๆ แล้วเหมือนกัน ส่งหนังโฉบเฉียดรางวัลเรื่องแรก ๆ ของปีนี้มาด้วย “She Said เสียงเงียบของเธอ” ที่มาพร้อมกับประเด็นทางสังคม สุดอื้อฉาวคาวโลกีย์ ที่กลายเป็นแรงกระตุ้น และก็การขับเคลื่อนสิทธิสตรีครั้งใหญ่ ระดับโลกในช่วงปัจจุบัน เพียงแค่ความพยายามกล้า ที่จะเปล่งเสียงออกมา จากเสียงเล็ก ๆ เปลี่ยนมาเป็นเสียงตะโกน ที่สนั่น กับเรื่องราว ที่พวกเธอต้องการจะให้โลกได้รับทราบ!

SheSaid เสียงเงียบของเธอ เป็นวีรกรรมของ 2 นักข่าวแห่งสื่อยักษ์ใหญ่ New York Times อย่าง เมแกน ทูเฮย์ กับ โจดี้ คานทอร์ พวกเธอได้ทำการเปิดโปง และก็เปิดตัวการเคลื่อนไหว ของแคมเปญ #MeToo ที่กลายเป็นการขับเคลื่อนสังคมครั้งยิ่งใหญ่ ในรอบทศวรรษ ด้วยการเปิดเผยความประพฤติ ชั่วก่ออาชญากรรมทางเพศครั้งประวัติศาสตร์ ที่อื้อฉาวไปทั่ว ทั้งแวดวงฮอลลิวูด เกี่ยวกับความประพฤติของผู้บริหารระดับสูง จากสตูดิโอหนังมีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง

She Said เป็นถ้าหากว่าคุณเคยถูกใจ จากหนังสายรางวัลประเภท หนังสอบสวนเชิงข่าว

อย่าง “Spotlight คนข่าวคลั่ง” ที่ได้ออสการ์ไป หรือ “The Post เอกสารลับเพนตากอน” ที่เคยเด่นบนเวทีรางวัล คุณก็น่าจะหลงใหล และก็ลื่นไหลไปกับหนังเรื่องนี้ ได้อย่างง่าย ๆ ด้วยเหตุว่าโทนของหนัง ก็มาในแนวทางและก็ท่วงทำนองแบบเดียวกัน

คือกลายเป็นหนังดราม่าสอบสวน ที่แทบจะเปลี่ยนเป็น เชิงสารคดีข่าวไปแล้ว ในระดับหนึ่ง การเล่าเรื่องทำออกมาได้ค่อนข้างจะ ดูง่ายและก็ย่อยง่าย ผู้ชมสามารถสัมผัส ประเด็นต่าง ๆ ของหนังได้อย่างแจ่มแจ้ง โดยที่ไม่ต้องใช้ความคิดอะไรเยอะ

นี่เป็นผลงานกำกับ หนังฮอลลิวูดเรื่องแรกเต็มตัว ของนักแสดงสาวชาวเยอรมัน “มาเรีย ชเรเดอร์” ที่อาจจะบอกได้ว่าฝีมือ ของเธอนั้น ก็ค่อนข้างจะเอาการอยู่ สามารถชูประเด็นและก็เสนอ หนังออกมาได้ในจังหวะที่ใช้ได้ ผลักดันเล่าเรื่องออกมาได้ค่อนข้างจะมีอรรถรสดี เพียงแต่ว่าสเกลของหนังบางทีอาจจะค่อนข้างใหญ่เกินไป สำหรับประสบการณ์ ของเธอสักหน่อย ทำให้ยังมีหลาย ๆ ส่วนประกอบที่ยังสัมผัสได้ว่า ไปได้ไม่สุดทาง ทำออกมาได้ยังไม่จัดพอ และก็ยังเต็มไปด้วยส่วนขาด ๆ เกิน ๆ ผสมออกมาอยู่มาก

โดยหนังเรื่องนี้ ได้นักเขียนฝีมือเยี่ยม ชาวอังกฤษ “รีเบคก้า เลนคีวิซ” (จาก Disobedience และ Ida) ที่นับว่าคลุกคลีและก็หยิบเอาประสบการณ์ตรงสำหรับการ ทำงานข่าวเชิงสอบสวนของ เมแกน ทูเฮย์ กับ โจดี้ คานทอร์ มาร้อยเรียงเป็นเรื่องราว

หนังอาจมีแนวทางการเล่าเรื่อง ที่ค่อนข้างจะเข้าถึงง่าย และก็ไหลลื่นไปตามกระแสที่ใช้ได้ แต่กระนั้นก็ยังพบว่า มีบางจุดที่ค่อนข้างจะย้วยเกินจำเป็น ยืดยานโดยใช้เหตุ ถ้าว่าสามารถกระชับ ในจังหวะการเล่าได้ขึงขังได้อีกสักนิด รู้สึกว่าหนังน่าจะตรึงใจได้ยิ่งกว่า

ถึงแม้ว่า She Said มาได้วัตถุดิบและก็ประเด็นชั้นยอด เอามาปรุงรส แต่ก็แอบเสียดาย อยู่เล็กน้อยที่ว่าประเด็น ที่หนักแน่นและก็ยิ่งใหญ่ที่ทรงอิทธิพลขนาดนี้ กลับทำออกมาได้ในแบบที่ ยังไม่ค่อยทรงพลังสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะอย่างเมื่อนำไป เปรียบเทียบกับหนังเชิงข่าวทั้ง 2 เรื่อง ข้างต้นที่อ้างอิง เข้าไปข้างต้นนั้น

นับว่าเรื่องนี้ยังค่อนข้างจะไกลห่างจาก คำว่าสมบูรณ์แบบไปอย่างน่าผิดหวังนิด ๆ ด้วยเหตุว่าในตอนท้ายหนัง หนังเกือบจะไม่ได้สร้างมิติ และก็ลูกเล่น ได้อย่างมีเชิงชั้น เป็นแค่การเล่าเรื่อง ไปตามสูตรแบบจับวาง ตามไทม์ไลน์ที่ควรจะมีเสน่ห์ ได้มากกว่านี้

แต่กระนั้นหนังก็ยังโชคดี ที่มีกลุ่มนักแสดงคุณภาพ มาปล่อยของและก็พ่นไฟ ในหนังเรื่องนี้

ที่ช่วยแบกและก็ประคองหนังเอาไว้ แทบทั้งเรื่อง “แครี่ มัลลิแกน” กับ “โซอี้ คาซาน” เปรียบได้ว่าเป็นคู่หูนางแบบ ของหนังเรื่องอย่างแท้จริง การแสดงที่ลื่นไหน ของพวกเธอ นับว่าทำออกมาได้ดี ตามมาตรฐาน เพียงแค่น่าเสียดายอยู่บ้าง ด้วยเหตุว่าเชื่อว่าพวกเธอ ยังสามารถทำได้ดีมากกว่านี้ หากว่าส่วนประกอบของเขา มีความหนักแน่น มากยิ่งขึ้นกว่านี้อีก

“แพทริเซีย คลาร์กสัน”, “อันเดร บรอย์เกอร์” หรือ “เจนนิเฟอร์ เอเล่” นับได้ว่าเป็นกลุ่มนักแสดงสมทบ ที่มาช่วยเพิ่มรสชาติ ให้กับเรื่องนี้ และก็อย่างน้อย ๆ หนังก็ยังใส่ลูกเล่น ที่น่าดึงดูดด้วยการเชิญ นักแสดงที่เคยตกเป็นเหยื่อ ในกรณีดังกล่าว มาร่วมแจมรับเชิญในหนังด้วย บางคนจะเป็นตัวเป็นตน หรือบางคนจะมาแค่เพียงเสียง แต่นับได้ว่าเป็นกิมมิก ที่พยายามช่วยยกระดับ ความทรงพลังให้กับ หนังเรื่องนี้ได้ยิ่งขึ้น และก็เป็นการส่งสาร ที่สตรองยิ่งขึ้น

หนึ่งในลูกเล่น ที่ค่อนข้างจะน่าดึงดูด แม้ว่าจะไม่ใช่อะไร ที่แปลกใหม่เท่าไร นั้นก็ถือหยิบเอาหลักฐาน จากเหตุการณ์จริง มาใช้ประกอบในหนัง โดยเฉพาะอย่างคลิปเสียงต่าง ๆ ของผู้บริหารสตูดิโอหนัง ที่ถูกกล่าวอ้างนั้น ถูกเอามาเปิดใช้ประกอบ ในเรื่องนี้ นับได้ว่าเป็นจุดที่กล้าได้กล้าเสีย ของหนังไม่น้อย ด้วยเหตุว่าทำอะไรอย่างงี้ก็เสี่ยง ที่จะถูกฟ้องร้องได้เช่นกัน แต่เมื่อเจตนาของหนัง อยากที่ตีแผ่สังคมและก็เปิดโปง ในช่วงหนังสารคดีข่าว การเลือกเทคนิคนี้ มาใช้ก็พอจะสมเหตุสมผลด้วยดี

ตกลงว่าโดยภาพรวมแล้วนั้น She Said เสียงเงียบของเธอ ก็ถือเป็นหนังสอบสวนเชิงข่าว ที่พอดูได้อย่างจับใ ถึงหนังจะยังไม่ได้สมบูรณ์แบบ ในทุกทิศทาง มีข้อบกพร่องอยู่เยอะไปหมด โดยเฉพาะอย่างแนวทางการนำเสนอ ของเรื่องที่ไม่ได้หนักแน่นแข็งแรงเพียงพอ

ในขณะที่ได้ประเด็น ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้มาเล่น แต่หนังก็ได้ทำหน้าที่ สื่อสารตามจุดประสงค์ของเรื่องได้อย่างสำเร็จ กับการเป็นกระบอกเสียง ให้กับเพศหญิง ที่ตกเป็นเหยื่อ การก่ออาชญากรรมทางเพศ ที่ให้พวกเธอได้กล้า ที่จะเปล่งเสียงกันออกมา ไม่ใช่แค่จำยอม เพียงแต่การกดขี่ภายใต้อิทธิพล

ฉะนั้น She Said เรื่องนี้ก็เลยเต็มไป ด้วยประโยคและก็วลีเด็ด ๆ ในการใช้เพียงขับเคลื่อนสังคม เอาไว้มากมาย แต่มีอยู่ประโยคหนึ่ง ที่ทำให้รู้สึกขยะแขยงและก็หดหู่ใจ ไปในครั้งเดียวที่ได้ยินว่า

” กฎหมายก็เป็นแค่เพียงเครื่องมือที่ใช้ปกป้องผู้ที่ละเมิดให้ยังคงอยู่และไปกระทำกับคนอื่น ๆ ต่อ ” ช่างเป็นท่อนคำที่รู้สึกจุกอก ด้วยเหตุว่า นี่มันเป็นความจริงในสังคม ด้วยเหตุว่าท้ายที่สุดแล้ว คนธรรมดา ๆ ที่อำนาจเป็นศูนย์ จะไปสู้อะไรได้ กับผู้ที่เรืองรอง อิทธิพลอยู่เต็มสิบ

ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง She Said เสียงเงียบของเธอ

ประเภท: ดราม่า

ผู้กำกับ: มาเรีย ชเรเดอร์

แสดงนำโดย: แครี่ มัลลิแกน, โซอี้ คาซาน

ความยาว: 129 นาที

กำหนดฉายในไทย: 1 เดือนธันวาคม 2022 (ในโรงหนัง)

ครอบครัวกวน ป่วนงานแต่ง ว่ากัน ว่า..ครอบครัว กับงานแต่งงาน ชอบเอามาสร้างสรรค์ เป็นเรื่องเล่าสุดเกิน จะอธิบายได้หลายเรื่องทีเดียว แล้วก็นั่นก็เลยเปลี่ยน มาเป็นสาเหตุของ หนังตลกปนวิวาห์ที่มีชื่อว่า “The People We Hate at the Wedding ครอบครัวกวนป่วนงานแต่ง” ที่อาจจะเป็นเพียง หนังตลกครอบครัวฟอร์มเล็ก ๆ แต่ว่าเมื่อได้เห็น แคสติ้งนักแสดงนำ ในหนังเรื่องนี้แล้ว ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้เลยว่า … ละสายตา แล้วก็ความสนใจ ไปไม่ได้เลย

The People We Hate at the Wedding เป็นเรื่องราวของ อลิซ กับ พอล พี่น้อง ที่ยังเจอกับปัญญา ที่ไม่เข้าใจกันและกัน ยืดเยื้อมาหลายปี พวกเขาดิ้นรน อย่างไม่ค่อยเต็มใจ สักเท่าไหร่ ที่จะไปร่วมงานแต่งงานของ เอลูอิส ลูกพี่ลูกน้อง ต่างพ่อที่กำลัง จะจัดขึ้น ในเมืองเกือบจะ ชนบทของอังกฤษ แล้วก็พวกเขาก็ต้องไปพบหน้ากับ ดอนน่า แม่แท้ ๆ ของพวกเขา ที่ถือได้ว่าเป็นงานรวมญาติ ที่เต็มไป ด้วยรอยร้าว ในสัมพันธ์

ครอบครัวกวน ป่วนงานแต่ง หนังดัดแปลง มาจากนิยายขายดี ชื่อเดียวกัน ของนักเขียนหนุ่ม “แกรนต์ กินเดอร์”

ผลงานล่าสุดของ ผู้กำกับหญิง “แคลร์ สแคนลอน” ที่พวกเราคงจะเคยชิน กับเธอ ในหนังรักเฉิ่ม ๆ แต่ว่าสนุกดี อย่าง Set It Up เมื่อไม่กี่ปีก่อน โดยส่วนมากแล้วเธอผู้นี้ ชอบกำกับงานทีวีซีรีส์ อยู่หลาย ๆ เรื่อง แล้วก็นี่เป็นการ กลับมาทำงานหนังใหญ่อีกครั้ง ที่แน่นอน ว่าเธอทราบจังหวะ แล้วก็ลีลาในการ ทำอย่างไรให้หนังออกมา ได้สนุกสนาน

แต่น่าเสียดายไป สักหน่อยที่นั้น ด้วยเหตุว่าสุดท้ายแล้วนั้น The People We Hate at the Wedding ก็เป็นเพียงหนังตลก แกมประเด็น ครอบครัวป่วน ๆ

ที่เป็นพล็อตสำเร็จรูป ที่เราเคยได้เห็นอะไรแบบ มาจากหนังดัง ๆ หลายเรื่อง ตั้งแต่เมื่อ 10-20 ปีให้หลัง ทำให้หนัง ไม่ค่อยมีอะไร ที่สดใหม่แล้วก็แปลกใหม่ ที่สร้างเซอร์ไพรส์ ให้กับคนดูสักเท่าไหร่ มากับการเล่าเรื่อง สูตรสำเร็จ ที่จัดมาอย่างเพรียบพร้อม ตั้งแต่เริ่มถึงจบเรื่อง

ถึงแม้ว่าหนังจะมีความเด่น เกี่ยวกับการเกลี่ยอัตลักษณ์ แล้วก็สตอรี่ของแต่ละคาแรกเตอร์ ออกมาได้ค่อนข้างชัดเจน อีกทั้ง 3 ตัวละครหลัก ต่างมีเรื่องราวแล้วก็ปัญหา ของพวกเขาอยู่ ต้องรับมือแล้วก็จัดการ ด้วยตัวของพวกเขาเอง

เพียงแต่ว่าหนังแล้วก็บทหนัง ยังไม่สามารถที่จะขยี้แล้วก็บ่มออกมา ให้มีพลังแล้วก็จิตวิญญาณ ได้กว่านี้ ทำให้หลาย ๆ ประเด็น ที่ดูคงจะสำคัญ แต่ทำเป็นเพิกเฉย ไปอย่างน่าผิดหวัง ด้วยเหตุว่าหนังมัว แต่จดจ่อ อยู่กับการใส่ความ ขัดแย้งป่วน ๆ ระหว่างครอบครัวมากเกินไป

The People We Hate at the Wedding เป็นหนังที่วางธีม เอาไว้เป็นหนังตลกครอบครัว แบบปั่นป่วนกันด้านใน เป็นหนังที่ค่อนข้าง เคยเป็นสูตรสำเร็จ ในช่วงเทศกาลสิ้นปี ของแวดวงฮอลลิวูด เมื่อสักทศวรรษก่อนที่

เราจะได้เห็น หนังโทนนี้ ออกฉายในโรงในทุก ๆ ปี แต่ว่ายุคสมัยผ่านไป หนังแนวนี้ ได้ลดบทบาท เหลือแค่หนังฉายสตรีมมิ่งแทนแล้ว แล้วก็น่าผิดหวัง ที่ศักยภาพของหนังแนวนี้ ก็ไม่ได้พัฒนา ขึ้นสักเท่าไหร่เลย

ท่ามกลาง แพ็คเกจสำเร็จต่าง ๆ ที่ใส่เข้ามา ในหนังเรื่องนี้นั้น สิ่งที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้ แล้วก็ช่วยรับหน้าที่ แบกเอาไว้อย่างมาก ก็คือกลุ่มนักแสดง ของเรื่อง 3 ดารานำของเรื่องนี้ ทำหน้าที่ของพวกเขา ด้วยความเป็นมืออาชีพ

ถึงแม้ว่าบทหนัง จะค่อนข้างเปื่อยยุ่ย แต่ว่าพวกเขา ก็พยายามอย่างยิ่ง ที่จะสามารถช่วยพยุง หนังเรื่องนี้ ด้วยความสามารถการแสดง จากเสน่ห์ ของพวกเขาเอง

“คริสเตน เบลล์” กับ “เบน แพลต” ต่างมอบ การแสดงที่ เป็นธรรมชาติอย่างดีเยี่ยม

ถึงแม้ว่าบทบาท ที่พวกเขาได้รับนั้น จะค่อนข้างธรรมดา ๆ แล้วก็ให้รสชาติแบบเดิม ๆ ที่ไม่ได้รู้สึกแปลก ในการรับรสเท่านั้น แอบเสียดาย ที่ปมด้อยในใจ คาแรกเตอร์ที่พวกเขา ได้รับแอบน่าดึงดูดอยู่ไม่น้อย แต่ว่าหนังกลับไม่ได้ ทำการบ่มเพาะจุดนี้ ได้อย่างดี สักเท่าไหร่ กลายออกมา เป็นความจืดจางบนพื้นฐาน ของแพ็คเกจสูตรสำเร็จ ไปสักหน่อย

ในตอนที่ “แอลลิสัน แจนนีย์” ก็ยังคง มอบการแสดง ที่เป็นตัวเธอ บทนี้ก็เหมือน สร้างสรรค์ให้มาเพื่อเธอ โดยเฉพาะ แต่ว่าบทบาทอะไรอย่างงี้นั้น เราก็เคยได้เห็นเธอ เล่นเอาไว้มาแล้ว จากผลงาน เรื่องก่อน ๆ ก็เลยไม่ค่อยได้เห็น อะไรที่ทำให้รู้สึกเซอร์ไพรส์ เป็นการวนลูป ในบทที่ซ้ำ ๆ ที่ต้องยอมรับว่าเธอเอง ก็ยังจัดการ เอาไว้ได้ดีแล้วก็ เป็นมืออาชีพเป็นอย่างมาก เพียงแค่ทุกสิ่งค่อนข้าง สัมผัสลงไปแบบผิวเผินเท่านั้น

ทั้งนี้ ตกลงว่า The People We Hate at the Wedding อาจจะเป็นหนังตลก ครอบครัวที่มาพร้อมด้วย ความสำเร็จรูป แบบเดิม ๆ ที่ยังไม่ค่อย ข้างมีอะไรแปลกใหม่ออกมา ให้เห็นสักเท่าไหร่ โชคเข้าข้างที่หนัง ได้ทีมนักแสดงนำ มาช่วยรับหน้าที่ เป็นนางแบก ทั้งเรื่องเอาไว้ ได้อย่างแน่วแน่ แต่ว่าผลที่ออกมานั้น นี่ก็คือหนังป่วนวันวิวาห์ ในแบบที่ไม่ได้เหนือความคาดหวัง อะไรก็ตามเป็นหนังที่ เปิดดูเล่น ๆ ผ่าน ๆ ไป ที่ยังไม่มีอะไร เป็นมีมแล้วก็น่าจดจำ อะไรได้สักเท่าไหร่เลย

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง The People We Hate at the Wedding

ชนิด: ตลก

ผู้กำกับ: แคลร์ สแคนลอน

นำแสดงโดย: เบน แพลต, คริสเตน เบล์, แอลลิสัน แจนนีย์, ซินเธีย แอดดัย-โรบินสัน

ความยาว: 99 นาที

กำหนดฉายในไทย: 18 พ.ย. 2022 (ที่ Prime Video)

Black Panther : Wakanda Forever ไม่ได้เป็นเพียงหนัง ที่อุทิศให้ กับการจาก ไปของแชดวิก โบสแมนเท่านั้น แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ ยังได้เปิดตัว ตัวละครใหม่ ที่เป็นเหมือนผู้สืบทอด ตำนานชุดเกราะเหล็ก สาวน้อยอัจฉริยะ ที่ความเฉลียวฉลาดของเธอ ชักนำให้เธอ เข้าสู่ศึกระหว่าง วาคานด้า

และทาโลคาน ริริ วิลเลียมส์ ในสมญานาม Ironheart ที่ ขอบอก เลยว่าเธอ คนนี้มีเสน่ห์ ไม่น้อยเลยทีเดียว เป็นผู้ที่สามารถ ทำให้นายพล สุดแกร่งของหน่วย โดรามิลาเจ ถึงกับเสียเซลฟ์ได้ ทำให้เธอคือ หนึ่งในตัวตึง วาคานด้าเลยจริง ๆ แต่คำถาม ก็คือเรื่องราว ของเธอภายหลังจาก จบภาพยนตร์เรื่องนี้ จะเป็นอย่างไรต่อไป

เรารู้กันแค่ว่า Ironheart จะมีซีรีส์ ที่มาเล่าเรื่องของตนเองต่อ Black Panther

มันจะออกมาเป็นอย่างไรนั้น ปัจจุบัน Dominique Thorne เจ้าของ บทริริ วิลเลียมส์ ได้ ให้สัมภาษณ์กับ Screen Rant ว่า…

“ มันเป็นคำถาม ที่จะคำตอบ มันรออยู่แล้ว ในซีรีส์ ที่จะฉายปีหน้าค่ะ

แต่ฉันรู้สึกว่าหลายสิ่ง ที่เราได้เห็นริริใน Wakanda Forever คือจุดเริ่มแรก ของการแสดง

ให้เห็นความทะเยอทะยาน ของเธอ และเริ่มเข้าใจว่า แท้จริงแล้ว มันหมายความว่อะไร

ในหนังได้ มีการบอกใบ้ อยู่แล้วค่ะ เธอได้กลับไปที่ MIT แล้วก็มีธุรกิจเล็ก ๆ ของตนเองอยู่

กระทั่งเธอได้เห็น โลกที่กว้างขึ้น แล้วเธอก็ไม่มีทางเลือก อื่นนอกจากจะต้องประจันหน้ากับมัน

ฉันรู้สึกว่า การเผชิญหน้านั้น เธอไม่ได้มีอะไรเลย นอกจากความฉลาด ของตนเอง

นั่นมันทำให้น่าดึงดูด ในตัวของมันเองเลยค่ะ หากทุกคนแลเห็นสิ่งพวกนั้น

พวกเขาก็อาจจะ ชื่นชอบสิ่งที่ กำลังจะเกิดขึ้น ในซีรีส์ ที่จะฉายปีหน้า ด้วยเหมือนกันนะคะ ”

สิ่งที่น่าดึงดูด ในตัวของริริ วิลเลียมส์ ก็คือ เธอมีความอัจฉริยะ ชนิดที่ทัดเทียมกับชูริ

เธอสามารถ สร้างชุดเกราะนี้ ขึ้นมาได้ แต่สิ่งที่ทำให้ เธอแตกต่างจากโทนี สตาร์

ก็คือ เธอไม่ใช่มหาเศรษฐี เธอเป็นแค่เพียง เด็กธรรมดา

ที่จะต้องฝ่าฟันชีวิต มันน่าดึงดูดที่ว่า เธอจะสามารถ ใช้ความอัจฉริยะของตนเอง

ออกมาอย่างไร แล้วจะ สร้างชุดเกราะของตนเอง ขึ้นมา ในแบบไหน

นี่ทำให้ Ironheart เป็นอีกตัวละครหนึ่ง ที่น่าติดตามต่อ เลยจริง ๆ

“Black Panther: Wakanda Forever” ประกาศศักดา..มุ่งหน้า 200 ล้านบาท ภายหลังจาก “ Marvel Studios’ Black Panther: Wakanda Forever แบล็ค แพนเธอร์ วาคานด้าจงเจริญ ” ภาคต่อ ภาพยนตร์ซูเปอร์ วีรบุรุษฟอร์มยักษ์ ระดับตำนาน

ก็หวนกลับมา ทำสถิติ เปิดตัวยิ่งใหญ่ ที่สุดใน จักรวาลมาร์เวล พร้อมปิดเฟส 4 ของจักรวาลมาร์เวล อย่างงดงามและยิ่งใหญ่

ใกล้ถึง สถิติภาพยนตร์ ของจักรวาลมาร์เวล ที่ทำเงินสูงสุด ตามติด Marvel Studios’ Doctor Strange in the Multiverse of Madness : จอมเวทย์มหากาฬ ในมัลติเวิร์สมหาภัย

เวลานี้ที่กำลัง มุ่งสู่ 200 ล้านบาท ที่เหล่าสาวก และแฟนคลับ มาร์เวลต้องห้ามพลาด

นักวิจารณ์ และผู้ชมต่างลงความเห็น ไปในทิศทางเดียวกันว่า

บทภาพยนตร์ถ่ายทอด อารมณ์ความรู้สึก ของตัวละครและ เรื่องราว ได้อย่างเข้มข้น และลึกซึ้ง ที่สุดเท่าที่ เคยปรากฏ ในจักรวาลมาร์เวล การถ่ายทอด เรื่องราวของสงคราม การสูญเสีย ซ้ำแล้วซ้ำเล่าของวาคานด้า

และการจากไป ของ ที ชัลล่า ซึ่ง การถ่ายทอด เรื่องราวทั้งหมด ของภาพยนตร์ ที่ความยาวเกือบ 3 ชั่วโมง นับว่าเป็นปรากฏการณ์สำคัญ ของยุคแห่งมาร์เวล ก็ว่าได้ ด้วยความสามารถการควบคุม การแสดงจากไรอัน คูเกลอร์ (Ryan Coogler) กับคำนิยาม จากนักวิจารณ์ว่า “ ภาพยนตร์ ที่เปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณ และอารมณ์ความรู้สึก ”

อีกหนึ่ง ไฮไลท์สำคัญ ที่ทำให้นักวิจารณ์ เทคะแนน ให้กับหนังเรื่องนี้ คือ ความสามารถการแสดง

ของเหล่านักแสดง ที่ผู้ชมคุ้นตา นำทีม โดย แองเจลา บาสเซตต์ (Angela Bassett) เลทิเทีย ไรท์ (Letitia Wright) ลูพีตา ญองอ (Lupita Nyong’o) วินสตัน ดุ๊ก (Winston Duke) ลูพีตา ญองอ (Lupita Nyong’o) และโดยเฉพาะอย่าง เตนอช เวร์ตา (Tenoch Huerta)

ที่ฝากความสามารถ ในบทเนมอร์ (Namor) เจ้าผู้ปกครองใต้มหาสมุทรทาโลแคน ได้อย่างยิ่งใหญ่ ทรงพลัง และมีสเนห์ สมกับที่สาวก มาร์เวลรอการมาถึง และโดมินิก ธอร์น (Dominique Thorne) กับบทรีรี วิลเลียมส์ หรือ Iron Heart ที่ได้ใจ ผู้ชมไปเต็ม ๆ

มากไปกว่านั้น แนวทางการถ่ายทำ การลำดับภาพ เสื้อผ้าและแฟชั่น ในภาพยนตร์ ที่สร้างสรรค์และถ่าย ทอดออกมา ได้อย่างงดงาม อีกทั้งฝั่งวาคานด้า และทาโลแคน ประกอบกับ ดนตรีประกอบภาพยนตร์ ที่ถูก แต่งขึ้นเพื่อเชิดชูภาพยนตร์

และแบล็ค แพนเธอร์ โดยเฉพาะ เต็มเปี่ยมไป ด้วยอารมณ์ ความรู้สึกถึง การสูญเสีย และพลังสำหรับในการต่อสู้ อาทิ เพลง “ Lift Me Up ” ที่ได้ Rihanna ซูเปอร์สตาร์ระดับโลก หวนจับไมค์อีกรอบ ในรอบหลายปี เพื่อมอบให้ กับช่วงชีวิต ที่แสนพิเศษและตำนาน ของแชดวิก โบสแมน

“ นิว ฐิติภูมิ เตชะอภัยคุณ ” สาวกมาร์เวล ตัวยงภายหลังที่ดู ภาพยนตร์จบแล้ว ถึงกับพูดว่า “ ภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นภาพยนตร์ ที่ดีเยี่ยมที่สุด แห่งปีของ จักรวาลมาร์เวล ที่ทุกคนต้อง ห้ามพลาด ภาพยนตร์ ถ่ายทอด เรื่องราวความรู้สึก ออกมาได้อย่าง น่าทรงพลังตลอดเวลา

เกือบ 3 ชั่วโมง ดูจบแล้วคือ จะต้องมาดูรอบ 2 เพิ่ม อย่างแน่นอน ยืนยันว่า ออกมาจากโรงหนัง จะน้ำตาคลอเบ้าอย่างแน่นอน ห้ามพลาด มาชมในโรงหนัง เท่านั้นนะครับ ”

ด้าน “ แอนนา เสืองามเอี่ยม ” เล่าความ รู้สึกว่า “ ต้องการชวนแฟนมาร์เวล หรือ แฟนภาพยนตร์ ทุกคนมาชม Marvel Studios’ Black Panther: Wakanda Forever แบล็ค แพนเธอร์ วาคานด้าจงเจริญ เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้ นับว่าเป็นผลงาน มาสเตอร์พีซ ที่สร้างสรรค์ขึ้นมา เพื่อสร้างการ เปลี่ยนแปลงจริง ๆ

ยิ่งกว่านั้น มาร์เวล ยังวางพลอต เรื่องที่ให้ ซุปเปอร์วีรบุรุษหญิง หรือนักรบหญิง ได้โชว์ความสามารถ อย่างเต็มที่ และมีเซอร์ไพร์ ตลอดทั้งเรื่อง ที่ไม่ควรพลาด บอกเลยว่าจะต้องตระเตรียมกระดาษ หรือผ้า มาซับน้ำตานะคะ รับชมได้แล้ว วันนี้ทุก โรงภาพยนตร์ รีบชมก่อน โดนสปอยล์ค่ะ ”

ร่วมสาน ต่อความ มันส์ ระดับตำนาน ของภาคต่อภาพยนตร์ ซูเปอร์ฮีโร่ฟอร์มยักษ์ ที่ทุกคนห้ามพลาด กับ “Marvel Studios’ Black Panther: Wakanda Forever แบล็ค แพนเธอร์วาคานด้าจงเจริญ” ตั้งแต่ วันนี้ เป็นต้นไป จะต้องดู ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น และ รีบดูก่อนโดนสปอยล์

พลิกบทบาท คลุกคลีวงการลอตเตอรี่ “ปฏิบัติการกู้หวย” ภาพยนตร์ไทยสุดฮาจาก Netflix รับประกันโดยผู้กำกับสายคอมเมดี้ “พฤกษ์ เอมะรุจิ” พร้อมสตรีม 16 เดือนพฤศจิกายนนี้ ทำเอาพระเอก หนุ่มหน้าใส “สกาย-วงศ์รวี นทีธร” สุดตื่นเต้น จะต้องมา รับบทเป็น ลูกชาย นักร้องสาวดีว่า “ปาน-ธนพร แวกประยูร” เป็นเคมี แม่ลูกสุดสนุก กับภารกิจ สุดปั่นของกลุ่มคน โชคดีถูกลอตเตอรี่ รางวัลที่ 1 แต่ว่าลอตเตอรี่ กลับถูกกลุ่มมาเฟีย แย่งชิงไป เลยชวน สกายมาเปิดใจ

เรื่องนี้ ผมรับบทเป็นเต เป็นลูกของ แม่ต้อย ที่แสดง โดยพี่ปาน-ธนพร เป็นครอบครัว ที่อยู่กันสองคนแม่ลูก เนื่องจากพ่อทิ้งไป มีเมียใหม่ตั้งแต่เตยังเด็ก

แม่ต้องหาเลี้ยงอยู่ตามลำพัง หางาน เปลี่ยนงาน ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งย้าย มากรุงเทพฯ แล้วพบงาน ที่ใช่คือ การขายลอตเตอรี่ เป็นอาชีพหลัก สำหรับในการทำมาหากิน

ความท้า ในบทบาทนี้เป็นเรื่องของ การที่จะต้องไปเรียนรู้ อินเนอร์ของผู้ขายลอตเตอรี่

รวมทั้งความรู้สึก ของการต้องการมีชีวิต การเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่ง ในเรื่องนี้นักแสดง หลักทั้ง 5 คน เป็นคนหาเช้า กินค่ำที่มีเป้าหมาย ในชีวิต ว่าอยากที่จะให้ตนเอง และก็คนที่ เค้ารักมีชีวิตการเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

ซึ่ง สิ่งที่สามารถช่วยให้บรรลุเป้าหมาย ได้อย่างเร็วที่สุด ก็คือการ ถูกลอตเตอรี่ รางวัลที่หนึ่ง ด้วยเหตุนี้ เตในฐานะ ผู้ขายก็ มีความเชื่อนี้ เช่นกัน นอกจากขายลอตเตอรี่ และก็จะเก็บลอตเตอรี่ ไว้เองหนึ่ง ใบในทุกงวด”

เรื่องนี้ จะต้องรับบทเป็น แม่ลูกกับพี่ปาน-ธนพร การทำงานเป็นยังไง?

“ ดีและก็สนุกครับผม พี่ปาน เป็นคนที่ทำงาน มืออาชีพมาก ทำอะไร ก็พร้อมทำสุดตัว พี่ตุ๋ย-พฤกษ์ ผู้กำกับ ต้องการที่จะให้ทำอะไรก็ทำ แล้วก็เป็นคนง่าย ๆ เวลาพักกอง ก็ชวนคุยตลอด ช่วงแรกที่พบกัน พี่เค้าเป็นผู้ใหญ่ ผมก็เกรงใจ เค้าไม่กล้าชวนคุยเยอะ แต่ว่าพี่ปาน ก็มาคุยเรื่องต่าง ๆ เรื่องปฏิบัติธรรมบ้าง ก็สนุกดีครับผม พี่ปานเป็น คนมีพรสวรรค์ ในการแสดงมาก เพราะเหตุว่าเค้าเคย เล่นละครเวที มาก่อน

ผมรู้สึกว่า คนที่เล่นละครเวที มาก่อนแล้ว มาเล่นหนัง ซีรีส์ ละคร จะสามารถสื่อสาร ออกมาได้ ถึงคนดูได้ดี เพราะเหตุว่าเวลา เล่นละครเวที ก็จะต้องส่ง การแสดงไป ถึงผู้ชม ที่อยู่ไกล 100 เมตร

ก็จะต้องส่งไป ให้ถึง เพราะโดยเหตุนี้ เรื่องของการสื่อสาร อินเนอร์สำหรับในการแสดง ไม่เป็นปัญหา สำหรับพี่ปาน อยู่แล้ว หากถามถึง ความประทับใจ ทุกคนตั้งอกตั้งใจ มาถ่ายทำเรื่องนี้ เพราะเหตุว่าเรื่องนี้ เป็นภาพยนตร์โดย Netflix ด้วย

และก็ทุกคน ก็ตั้งอกตั้งใจ ทำออกมาอย่างเต็มเปี่ยม แต่ละคน ก็มีความสามารถของตนเอง อย่างพี่แจ๊ส ชวนชื่น พี่แพท-ณปภา พี่สมจิตร จงจอหอ ก็จะถนัด ด้านคอมเมดี้

ฝั่งพี่ปาน มินนี่-ภัณฑิรา ถนัดเรื่อง ของอินเนอร์ ผมรู้สึกว่า เป็นการรวมตัวกัน ที่ค่อนข้างจะหลากหลาย และก็ เมื่อผลงาน ออกมาก็น่าจะ มีอะไร ที่บันเทิง ๆ ให้ผู้ชม เหมือนที่ พี่ตุ๋ย ผู้กำกับ ให้คำนิยาม เรื่องนี้ว่า เป็นดาร์กคอมเมดี้

คือมีความสู้ชีวิต นิดนึง ไม่ได้มี ความคอมเมดี้จ๋า ๆ ผมเห็นว่าความสนุก อยู่ที่เรื่องลอตเตอรี่ ที่เป็นแกนหลัก เพราะเหตุว่าผมรู้สึกว่า ลอตเตอรี่

เป็นอะไรที่สามารถ สื่อสารได้ กับทุกคน ลอตเตอรี่ ราวกับกับเป็น ความบันเทิง ของคนไทย และก็ อยู่ในรากของคนไทย หลายชั่วอายุคน ก็เลยคิดว่าผู้ชม จะสามารถเข้าถึง สิ่งนี้และก็ อินไปกับเนื้อหา ของเรื่องได้”

เป็นตอนที่ส่งผลงาน แสดงตลอด รู้สึกอย่างไร ถึงความฮอต ในขณะนี้?

“ ก็ดีครับผม ส่งผลงานตลอดให้ได้ดูกัน ”

มองการทำงาน ที่เติบโตของตัวเอง ณ ขณะนี้อย่างไร?

“ ผมเห็นว่าราวกับ เป็นสเต็ปของตนเองไปเรื่อย ๆ ครับผม เพราะเหตุว่าเข้าวงการ มาตั้งแต่ ม. 4 ในตอนนี้ ก็ 8-9 ปีแล้ว

ก็ราวกับค่อย ๆ ไต่ไปเรื่อย ๆ ราวกับพอเรา ผ่านไปเรื่องนึง ก็จะพบเรื่องใหม่ ที่มันมีกำแพง ที่เราจะต้อง ก้าวผ่านไป ได้เรื่อย ๆ แล้วผมก็เป็น คนที่ไม่ได้ เป็นนักแสดง ที่มีพรสวรรค์ อะไรอยู่แล้ว ก็จะต้องพยายามต่อไปเรื่อย ๆ ในทุก ๆ เรื่อง และก็ตั้งใจ ทำในทุก ๆ โปรเจกต์ ให้มันออกมาดีขึ้น เรื่อย ๆ ไม่มีคำ ว่าจบใน การพัฒนาตนเอง”

มีบทไหน ที่สนใจอยากแสดงต่อจากนี้?

“ ผมอยากเล่น แนวทริลเลอร์ ทริลเลอร์แบบดาร์ก ๆ และก็ แนวแอ็กชัน ที่มีคิวบู๊ จะต้องมีคิว มีบล็อกกิ้ง คิดว่าน่าจะสนุก ”

ฮอตอย่างนี้เรื่องหัวใจ ในตอนนี้เป็นไงบ้าง ยังไม่มีแฟนอยู่รึเปล่า?

“ ก็อย่างเดิมครับ (หัวเราะ) ยังไม่มีแฟนอยู่ เพิ่งจะมีเพื่อนครับผม (หัวเราะ) ”

ณ ขณะนี้ สาวในสเปกเป็นยังไง หรือพบคนแบบไหน ที่จะทำให้สกายแพ้ทาง?

“ อืม จริง ๆ แล้วผม ไม่เคยระบุสเปกเลย หาก เป็นแต่ก่อน จะชอบคนผมยาว เนื่องจากตอนเด็ก ๆ นอนเล่น กับแม่แล้ว ชอบม้วนผม แม่เล่น (หัวเราะ) ”

ประวัติ สกาย วงศ์รวี นทีธร

สกาย วงศ์รวี นทีธร นักแสดงชาย สังกัดนาดาวบางกอก

เกิดวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2541

ปัจจุบันอายุ 23 ปี สกายเริ่ม เข้าสู่วงการบันเทิง จากรายการ Hormones The Next Gen รายการ ค้นหา นักแสดง หน้าใหม่ ที่จะมาแสดง ในซีรีส์เรื่อง ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น โดยรายการ ได้มาถ่าย ที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย Ffp ในเวลาที่ทีมงาน กำลังจะกลับ ก็ได้พบสกาย กำลังเตะบอลอยู่ กับเพื่อน

ก็เลยได้ชวนให้เข้ามา ประกวดจนกระทั่งเขา ได้ผ่านเข้ารอบ ไปถึงรอบ 40 คนสุดท้าย และก็สกาย ก็ได้มารับบทเป็น พละ ผู้มีเชื้อเอชไอวี ตั้งแต่เกิด ในซีรีส์ ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น ซีซั่น 3 ก็ทำให้สกาย เป็นที่รู้จักและก็ ได้เข้าเป็น นักแสดงในสังกัด นาดาวบางกอก

ถัดมา สกาย วงศ์รวี นทีธร ได้ส่งผลงาน การแสดงใน I Hate You, I Love You โดยเขา ได้รับบท โจ หนุ่ม ขายบริการข้างทาง แต่ว่าการแสดง ในเรื่องนี้ ได้เสียงตอบรับ ที่ไม่ดีมากเท่าไรนัก

เพราะเหตุว่าสกายภาพลักษณ์ ไม่เหมือน ผู้ชายขายบริการ และก็พูดไม่ชัด ที่มาจากการ ที่สกาย เป็นคนเงียบ ๆ พูดน้อย ทำให้กล้ามเนื้อที่ลิ้น ไม่ค่อยทำงาน

และก็ในปีพ.ศ. 2560 สกาย ได้แสดงในซีรีส์ Project S The Series ตอน Side by Side พี่น้องลูกขนไก่ โดยเข้าได้รับ การเสนอ ชื่อให้เข้าชิง รางวัลนักแสดงสมทบชาย ของรางวัลนาฏราช ครั้งที่ 9 และก็ปีพ.ศ. 2562 สกาย ก็ได้แสดงเรื่อง My Ambulance รักฉุดใจนายฉุกเฉิน และก็เขายัง ได้ร้องเพลงประกอบซีรีส์ ในเพลง Love Message ร่วมกับ ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ อีกด้วย

ติดตามไอจี สกาย วงศ์รวี นทีธร @skywongravee

ทำเอาหนุ่ม “ฟิล์ม ธนภัทร กาวิละ” ถึงกับปลาบปลื้มสุด ๆ หลังจากประกาศ จัดงานแฟนมีตครั้งแรก ที่จะจัดขึ้น ในวันเสาร์ที่ 3 ธ.ค. ณ Lido Connect Hall 2 กับงาน Film’s First Fan Meeting ซึ่งล่าสุด ได้ทำการ เปิดขายบัตร เป็นวันแรก เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10 เดือนพฤศจิกายนก่อนหน้าที่ผ่านมา ตั้งแต่เวลา 12.00 น. รวมทั้ง สร้างปรากฎการณ์

ขายบัตร ได้หมดเกลี้ยง ภายในเวลา 1 นาที เท่านั้น อยากรู้หนุ่มฟิล์ม รู้สึกยังไง? ไปฟังกันเลย

“ ดีใจมาก ๆ เลยครับ ที่งานแฟนมีต ครั้งแรกของผม ได้รับการตอบกลับอย่างดี ตอนแรก ผมก็ตื่นเต้น แอบลุ้นว่าบัตร จะหมดวันไหน? พอทีมงาน โทร.มาบอกว่า “ฟิล์ม ๆ บัตรขายหมดแล้วนะ หมดตั้งแต่นาทีแรก ที่เปิดขายเลย” ผมก็ช็อตไปนิดนึง ตกใจเหมือนกันครับ เนื่องจากเราไม่คิด ว่าจะได้รับ การตอบรับจาก แฟน ๆ ดีขนาดนี้

อยากขอบคุณ แฟน ๆ ทุก ๆ คน ที่รอซัพพอต ฟิล์ม ธนภัทร

รอเป็นกำลังใจ ให้ผมมาโดยตลอด ไม่ว่าผมจะทำงานอะไร หรือ มีโปรเจกต์อะไร ออกมาก็ตาม ขอบคุณจากใจจริง ๆ ครับ ซึ่งในงานแฟนมีตคราวนี้ ผมยังได้ แขกรับเชิญ สุดพิเศษ อย่าง “แจม รชตะ” รวมทั้ง “ตงตง กฤษกร” มาร่วมสร้างสีสัน ความสนุกสนาน ความฟินให้แฟน ๆ กรี๊ด ตลอดทั้งงานอย่างแน่ ๆ ส่วนตัวผมเอง ก็จัดเตรียม ทำเซอร์ไพรส์แฟน ๆ ไว้เช่นกัน อยากให้ทุกคน มาลุ้นไปพร้อม ๆ กัน สุดท้ายนี้ก็อยากบอก กับทุกคนว่า ขณะนี้ผมนับถอยหลัง เพื่อจะได้ไปเจอ คุณทุกคนแล้ว อยากให้มาพบกันเยอะ ๆ ครับผม ส่วนใคร ที่ซื้อบัตรไม่ทัน ก็ขอให้ติดตามที่ เพจ “one connection” กันไว้ให้ดี นะครับ ว่าจะมีประกาศ ให้ซื้อบัตรเพิ่ม ในทางอื่น ๆ อีกมั้ย เนื่องจากผมเอง ก็ต้องการให้ทุกคน ได้มารวมตัวกันเยอะ ๆ อยากยิ้ม อยากแชร์ความสุข ความสนุก รวมทั้ง เก็บโมเมนต์เหล่านี้ ไปด้วยกันกับทุก ๆ คนเลยครับ ”

ติดตามข่าวสาร รวมทั้ง การเคลื่อนไหวของงานแฟนมีต Film’s First Fan Meeting ของหนุ่ม ฟิล์ม ธนภัทร ที่เพจ “one connection”

ก่อนหน้าหน้า หนุ่มฟิล์ม ธนภัทร เคลียร์ปมมือที่ 3 ปราง-โต้ง เลิกกัน ภายหลังที่นางเอกสาว ปราง กัญญ์ณรัณ วงศ์ขจรไกล ออกมา เปิดใจยอมรับ เคลียร์ถึงความสัมพันธ์ กับอดีตแฟนหนุ่ม นักร้องดัง โต้ง พิทวัส พฤกษกิจ หรือ โต้ง ทูพี ที่ต้องสิ้นสุดความรัก 10 ปี อีกหนึ่งพระเอกหล่อ ที่ถูกโยงเอี่ยว เป็นมือที่ 3 ทำรักของทั้งคู่ ต้องพังลง นั่นก็คือ หนุ่ม ฟิล์ม ธนภัทร กาวิละ ก็ต้องรีบออกมา เคลียร์ในทันที ในงานแถลงข่าว เปิดผังละคร ช่องวัน 31

ซึ่งหนุ่ม ฟิล์ม ก็ได้ชี้แจง เกี่ยวกับประเด็นทั้งหมด พร้อมย้ำชัด ถึงสถานะกับ ปราง เอาไว้ว่า “ก็คือเรื่องธรรดา เราทำงานด้วยกันสนิทกัน และก็เค้าก็ มีข่าวพอดี มันก็ไม่แปลกที่จะ ถูกโยง ถูกจับตามอง ส่วนตัวผม ไม่ได้ซีเรียสครับ ผมมีความคิดว่าก็ปกติ อยู่แล้วไม่ได้ซีเรียสอะไร ที่ผ่านมาก็มีคุยกับปรางบ้าง ก็เข้าใจเขา ตั้งแต่ตอนแรก แต่ว่าบอกเลยว่าก็ ไม่ได้มีอะไรจริง ๆ

ส่วนที่คนคิดว่าเรา เป็นคนมาดามใจ ปราง ในตอนนั้น ด้วยความที่สนิทกัน มากกว่า เราเล่นกัน เหมือนเป็นพี่น้องกัน คือ ด้วยความ เป็นพระเอก-นางเอก ผมมีความคิดว่าการที่พวกเราสนิทกัน มันทำให้เรา กล้าที่จะเล่น แล้วเต็มที่ เต็ม 100 ทั้งสองฝ่าย มันก็ ทำให้ผลงาน ของเราออกมาดี ผมก็เลย ไม่ได้ซีเรียส กับคำนี้สักเท่าไหร่ เนื่องจากเราก็รู้อยู่แล้ว ว่ามัน ต้องถูกโยง คือเรื่องธรรดา

ส่วนตัว ปราง และก็ปกติทุกอย่างเลย ซึ่ง ก็มีมาปรึกษา คุยกับเราบ้าง นิดเดียว แล้วก็ให้กำลังใจ บอกเขาว่า พี่เลือกอะไร มันก็เป็น สิ่งที่ดีที่สุด สำหรับพี่ ส่วนตัวผม ไม่ได้ซีเรียสครับ เนื่องจากเรารู้อยู่แก่ใจ อยู่แล้วว่าเราไม่ได้ เข้าไปอยู่ ในความเกี่ยวพันอย่างนั้น คือเราเข้าไป ในความสัมพันธ์ แบบเป็นพี่น้องกัน เพื่อนร่วมงานกัน เราจริงใจตั้งแต่ตอนแรกอยู่แล้ว ก็เลยมีความคิดว่า ไม่ได้ซีเรียส กับข่าวนี้

ส่วนตัว ฟิล์ม ก็ยอมรับ ว่าเราก็ชื่นชอบ ปราง อยู่แล้ว หมายถึงว่า เราปลื้มเขา ด้วยความสวยของเขา แต่ว่าอย่างที่ พูดว่าผมเข้าหา พี่ปรางด้วยความสัมพันธ์ ที่เป็นพี่น้องกัน ตั้งแต่ตอนแรกอยู่แล้ว เราก็เลย มีความคิดว่าเป็นแบบนี้ มันดีที่สุด ผมว่า มันเป็นเรื่องของ อนาคตจริง ๆ อะ แต่ว่าปัจจุบันนี้มันเป็นความสัมพันธ์แบบพี่น้องจริง ๆ แล้วก็ สบายใจ ที่มันเป็นแบบนี้จริง ๆ ผมว่าเป็นแบบนี้ ในตอนนี้ มันดีที่สุดแล้ว อนาคตก็เรื่องของมัน

เคลียร์ชัด ว่าไม่มีอะไรจริง ๆ แต่ว่าถ้าถาม ปราง น่ารัก ตรงสเปกไหม รู้สึกว่าพอแก่ ก็เริ่ม ไม่มีสเปกแล้วอะ แต่ว่าถามสวยไหม สวย สวยมาก สวยครับ แต่ว่า ไม่มีอะไรจริง ๆ ครับ” งานนี้ เราก็ต้องรอติดตาม ความสัมพันธ์ ของคู่นี้กันต่อไป แต่ว่าสถานะในเวลานี้ ชัดเจนว่า ฟิล์ม-ปราง เป็นแค่เพียงพี่น้องกันแค่นั้นนะจ๊ะ

ประวัติ ฟิล์ม ธนภัทร กาวิละ

ฟิล์ม ธนภัทร กาวิละ เกิดวันที่ 20 ม.ย. พ.ศ. 2536 ที่จังหวัดสระบุรี เรียนจบระดับม. ปลาย จาก โรงเรียนสระบุรีวิทยาคม ระดับอุดมศึกษา จากคณะบริหารธุรกิจ สาขาการเงิน มหาวิทยาลัยกรุงเทพ โดยฟิล์ม ได้รับเกียรตินิยม อันดับ 2 เคยเป็น สจ๊วตสายการบิน ไทยไลอ้อนแอร์ รวมทั้งเคยแข่งขัน DUTCHIE BOY & GIRL 2013

เข้าวงการจากโครงการ “รักฝุ่นตลบ Casting Project” เพื่อค้นหานักแสดงหน้าใหม่ ที่จะเซ็นสัญญา เป็นนักแสดงในสังกัด เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ รวมทั้งร่วม แสดงในซีรีส์ “รักฝุ่นตลบ” เป็นที่รู้จัก จากการรับบท หมออินทัช ใน “เสน่หา Diary ตอน กับดักเสน่หา” รวมทั้ง เพชร ใน “เรือนเบญจพิษ” ผลงานเรื่อง “เมีย 2018” ในบท วศิน ส่งผลให้ฟิล์ม เข้าครอบครองใจ ผู้หญิง เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งในปี พ.ศ. 2562 ฟิล์ม ได้ผันตัว เป็นนักร้องเต็มตัวครั้งแรก รวมทั้งร้องเพลง ในชีวิตแรกอย่างเพลง คนเดียว กับ อภิวัฒน์ พงษ์วาท

ผลงานละครโทรทัศน์

ปี 2558

เจ้าสาวของอานนท์ รับบท เทอด

ปี 2559

เราเกิดในรัชกาลที่ ๙ เดอะซีรีส์ ประชาชนที่มาร่วมจุดเทียนถวายความอาลัย

ปี 2560

กับดักเสน่หา รับบท น.พ.อินทัช เอกเอื้องอังกูร

ปี 2561

เรือนเบญจพิษ รับบท เพชร
เมีย 2018 รักเลือกได้ รับบท วศิน สินสิริเตชินทร์
หน้ากากแก้ว รับบท รัฐ เกริกไพบูลย์

ปี 2562

ภูตพิศวาส รับบท มารุต กสิกรรม

ปี 2563

รักแลกภพ รับบท พิริยะ ธนาพิทักษ์ (พีท) / พิศ / เพียร ธนาพิทักษ์
ฉันชื่อบุษบา รับบท สรัล
พายุทราย

ปี 2565

ฟ้าเพียงดิน
คุณชาย

ผลงานซีรีส์

ปี 2559

รักฝุ่นตลบ รับบท เต้ (โป้ง : ชื่อสมมติที่มะเหมี่ยวใช้หลอกพีทว่าโป้งคือแฟนตนเอง)

ปี 2562

อรุณา 2019 รับบท วศิน สินสิริเตชินทร์
มิวสิควิดิโอ

ปี 2561

ไม่มีวันปล่อยมือ (เพลงประกอบละคร หน้ากากแก้ว) ศิลปิน ดิว อรุณพงศ์

ผลงานเพลง

ปี 2562

คนเดียว ซิงเกิ้ลแรกในชีวิตของ ธนภัทร กาวิละ จากโปรเจกต์ GRAVITY

รางวัล

รางวัล เอ็มไทย ท็อปทอล์คอะเบ้าท์ 2019 สาขา Top Talk-About Memorable Character 1

ติดตาม ได้ที่ไอจี ฟิล์ม ธนภัทร @film.thanapat

เพิ่มเติมความหวานกรุบ ๆ สำหรับนางเอกสาว “ออม-สุชาร์ มานะยิ่ง” เพิ่งจะซื้อของขวัญวันเกิด ประทับใจแฟนหนุ่ม นักธุรกิจ “แอมป์-พิธาน องค์โฆษิต” แถมยังมีโมเมนต์ ดินเนอร์กับ ครอบครัวฝ่ายชาย แล้วก็ รูปสวีตครบรอบ 5 ปี เจอ ออม งานเปิดตัวฟิล์มซีรีส์ฟอร์มยักษ์แห่งปี “Finding the Rainbow : สุดท้าย…ที่ปลายรุ้ง” โดย Viu Original ที่โซนอีเดน 1 ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัลเวิลด์ เลยอัปเดตความหวาน

ออม สุชาร์ ถามถึงวันครบรอบ ที่ผ่านมา เข้าปีที่เท่าไรแล้ว?

“ ปีที่ 5 แล้วค่ะ แฮปปี้ค่ะ เหมือนเราท่องเที่ยวอังกฤษ กับครอบครัวของพี่แอมป์ เรียกว่าใช้โมเมนต์กันจริง ๆ แทบไม่ได้อยู่กันสองคน คืออยู่กับครอบครัวด้วย ”

แอมป์ดูขยันเติมหวาน พาท่องเที่ยวตลอด?

“ จังหวะคือเราถ่ายซีรีส์ Finding the Rainbow จบพอดี แล้วพี่แอมป์ ก็ชวนท่องเที่ยวกับที่บ้านเค้า โอเคเราว่าง แล้วก็เลยไป ความพิเศษก็คือ เหมือนเราได้อยู่กับครอบครัวเค้าไปด้วย ครอบครัวเค้าก็เอ็นดูเรา เสมือนผูกพัน ไปมาหาสู่กันมา 5 ปีแล้ว ”

เป็นลูกสาวของบ้านเค้าไปหรือยัง?

“ ก็ฝากตัว มีคุณแม่ น้องสาวของพี่แอมป์ แล้วก็หลาน ๆ ”

มีญาติหรือใคร ในครอบครัวแอมป์มาแนะนำเทคนิค ในการอยู่บ้านนี้บ้างมั้ย?

“ ไม่ขนาดนั้นค่ะ ที่บ้านเค้าสบาย ๆ เหมือนพอจะมา แนะนำเทคนิคมันก็ดู ไม่สบายแล้วใช่มั้ย ทุกอย่างก็สบาย ๆ เป็นธรรมชาติ ”

แล้วมีผู้แนะนำอยากให้เรา เตรียมตัวอะไรต่าง ๆ บ้างมั้ย?

“ (หัวเราะ) ด้วยความเป็นสายชิล เราตอบอย่างนี้มา 5 ปีแล้ว เนื่องจากว่าพี่แอมป์ เค้าก็ทำงานเยอะมาก ๆ ก็เรื่อย ๆ ค่ะ ”

5 ปี ยังต้องปรับอะไรมั้ย?

“ สำหรับออมขณะนี้คือลงตัวแล้วนะคะ ในความรู้สึกออมมันดู มากกว่านั้น ไม่ได้กุ๊กกิ๊กเหมือนแรก ๆ ที่เจอ มันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว มันเหมือนเรามีอะไรเรา ก็ให้คำแนะนำกัน ปรึกษากัน”

ตั้งแต่รู้จักกันมา ความเป็นแอมป์ที่น่ารักที่สุด ไม่เคยเปลี่ยนเลยคืออะไร?

“ ความน่ารัก สุภาพ อ่อนโยน ที่ทุกคนเห็นเค้า ความจริงเค้าก็เป็นแบบนั้นแหละ เวลาอยู่บ้าน เค้าก็เป็นคนพูดเพราะ อ่อนโยน มันไม่ใช่ความมุ้งมิ้ง มันซอฟต์ ๆ ”

มีมุมมุ้งมิ้งมั้ย?

“ คือชอบคนพูดเพราะ ความขี้อ้อนเค้าก็มีบ้างค่ะ แบบว่าพี่อยากกินอันนี้ เค้าจะมาอ้อนให้เรา สั่งให้ เค้าจะไม่ค่อยใช้แอปสั่งอาหาร ”

ด้วยเค้าเป็นคนสุภาพ พูดเพราะ เพื่อน ๆ เรามีเกร็งมั้ย เดี๋ยวจะหลุดพูดไม่เพราะ?

“ ไม่รู้เป็นอะไร เพื่อนออมชอบเกร็งเค้า แรก ๆ ที่เจอกันจะมีความเกร็ง ออมก็บอกไม่ต้องเกร็ง จริง ๆ พี่แอมป์เป็นคนสนุกนะ ”

เพื่อนกลัวหลุด คำพูดไม่สุภาพ?

“ ก็พูดได้ ไม่เป็นไรเลย เค้าไม่ได้ซีเรียสเลย แต่ว่าด้วยเนเจอร์ของเค้า เหมือนเป็นคนสุภาพ เท่านั้นเอง”

เค้าก็เข้ากับเพื่อนเราได้ดี?

“ ใช่ค่ะ ความจริงคือ เค้าเข้าได้กับ ทุกคนเลย ”

ล่าสุดที่เราซื้อลู่วิ่งให้เค้า ได้เช็กไหม ว่าเค้าได้ใช้หรือยัง?

“ ตั้งแต่ซื้อให้วันเกิด ออมก็ถามนะเค้าบอกใช้ไป 2-3 ครั้งเอง นี่ก็ผ่านไปเดือนนึงแล้ว เนื่องจากว่าเค้าทำงาน กลับมาดึกก็เหนื่อยแล้ว อีกวันนึงตื่นมาก็ต้องทำงานแต่เช้า อาทิตย์นึง ก็เลยเหมือนมีเวลาออกกำลังกาย เพียงแค่ครั้งนึง คือวันเสาร์ ไม่ก็อาทิตย์ ”

ออมก็บอกเค้าว่า ต้องวิ่งบ่อย ๆ มั้ยเพราะซื้อมาแพง?

“ ก็บอกว่าต้องใช้บ้างนะ การซื้อของขวัญ ให้เค้ามันค่อนข้างจะยาก คิดหัวแตกเลยว่าจะซื้ออะไรให้ดี ปรึกษากับเพื่อน ๆ เห็นว่าที่บ้านเค้ามีลู่วิ่ง ที่ใช้งานมาเกือบจะ 20 ปีแล้ว นานมาก ออมเลยบอกเปลี่ยนเถอะ อันเก่าน่าจะใช้คุ้มแล้วแหละ เลยซื้อใหม่ให้ ซึ่งเค้าก็ถูกใจมาก ๆ ออมเห็นในตอนที่ออมให้ แล้วเค้ายิ้มแบบว่าถูกใจอะ ”

มาถึงในเรื่องของโซเชียล ที่สาว ออม สุชาร์ และแอมป์ ได้อัปเดตความหวาน

ให้กันตลอดเวลา ที่มีเวลาว่าง ลงโซเชียล ให้ได้ชมกัน เปิดคลิปหวาน เซลฟี่ นึกว่าแฝด ออม สุชาร์ – แอมป์ หน้าเหมือนกันมาก จริง ๆ ทำให้เอาหลายคน ตกใจนึกว่าแฝดกันจริง ๆ

เห็นทีคงจะต้องยก สเตตัส หวานน้อย แต่หวานนะ ให้เลย สำหรับคู่นี้ของ ออม-สุชาร์ มานะยิ่ง รวมทั้ง แอมป์-พิธาน องค์โฆษิต ไปครองซะแล้ว

เนื่องจากว่า แม้ความรักทั้งสอง จะไม่ค่อยหวือหวาหรือว่า มีช็อตกุ๊กกิ๊กมุ้งมิ้ง ให้ได้เห็นเป็นประจำ เหมือนกับบรรดาคู่รักซุปตาร์คู่อื่น แต่ว่าถึงแบบนั้น แล้วถ้าหากได้โอกาสดีจังหวะเหมาะสม เมื่อไหร่ แฟน ๆ ที่ติดตามช่องทางโซเชียลฯ ทั้งของ ออม รวมทั้ง แอมป์ ก็มักได้ฟินจิกหมอนตลอด ๆ ตลอดเช่นกัน

ซึ่งหนึ่งในนั้น ก็รวมทั้งโมเมนต์ล่าสุด ที่ถูกเอามาแชร์ผ่านอินสตาแกรม @aom_sushar โดยเป็นคลิปวิดีโอสั้น ๆ แต่กลับมีผลต่อหัวใจหนักมาก ด้วยเหตุว่า ภาพที่ปรากฎ เป็นช็อตเอ็กซ์คลูซีฟต์ ของทั้งสองขณะนั่งอิงซบกัน พร้อมทั้งส่งยิ้มหวาน ให้กล้อง

รวมทั้งแน่ ๆ ว่างานนี้นอกเหนือจากที่จะ ทำเอาบรรดาแฟนคลับ พากันชื่นใจที่ได้เห็น มุมโรแมนติกที่นาน ๆ ที จะมีมาเสิร์ฟ ให้ฟินผ่านหน้าจอแล้ว หลายคน ก็ยังทักเป็น เสียงเดียวกันด้วยว่า จากคลิปที่เห็น ใบหน้าของ ออม นั้นคล้ายกับ แอมป์ ในบางมุม นับวัน ยิ่งเหมือนยิ่งคล้ายกันมาก ขึ้นทุกวันจริง ๆ

คว้าพระเอกหล่อหน้าใสไอดอลคนรุ่นใหม่อย่าง กลัฟ-คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์ มาเป็นพรีเซนเตอร์เบอร์ใหม่ งานนี้เครื่องดื่ม โออิชิ กรีนที จัดเปิดตัวแคมเปญใหม่ “OISHI GOODNESS OF TEA” อย่างยิ่งใหญ่ โดยใช้ลานหน้าสยามดิสคัฟเวอรี่ แต่กลับเล็กไปถนัดใจ เนื่องจากเหล่าแฟน ๆ ลูกบอลของบิ๊กกลัฟ แห่มาให้กำลังใจแน่นขนัด หลังจากกิจกรรม Exclusive Meet & Greet ของหนุ่ม กลัฟ กับแฟน ๆ เสร็จสิ้นก็เลยได้พูดคุยกับ กลัฟ อัปเดตเรื่องการงาน ที่นอกเหนือจากละคร “มัดหัวใจยัยซุปตาร์” ทางช่อง 3 ที่คู่กับ เจนี่ และก็หนัง “บัวผันฟันยับ” แล้ว ก็ยังมีคอนเสิร์ต และก็ความคืบหน้าเรื่องบ้านที่ทุ่มเงินกว่า 20 ล้านบาท

เริ่มจาก ถามคอนเสิร์ตที่กำลังจะจัดเร็ว ๆ นี้?

“ เดี๋ยวนี้อยู่ในขั้นตอนเตรียมทุกอย่างกำลังเริ่มซ้อมแล้ว เราคิดแผนต่าง ๆ ไว้เกือบจะครบ เกือบ 100% แล้วครับ เหลือแค่ลงปฏิบัติจริง ๆ ”

คอนเสิร์ตในคราวนี้จะพิเศษกว่าที่ต่างประเทศมั้ย เนื่องจากจัดในบ้านเรา?

“พิเศษกว่าครับ เนื่องจากว่ารูปแบบที่ต่างประเทศจะแนวแฟนมีตมากกว่า ขนาดย่อมลงมาหน่อย แต่พอที่ไทยก็จะเป็นคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบ”

คอนเสิร์ตบัตรขายหมดเลย รู้สึกยังไงบ้าง?

“ดีใจมากเลยครับ และต้องขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจดี โออิชิ กรีนที มาก ๆ เลยนะครับที่ช่วยกันผลักดันให้เกิดคอนเสิร์ต ในคราวนี้”

จะมีเพิ่มรอบมั้ย?

“จริง ๆ ก็อยากเพิ่มนะครับ แต่ด้วยสถานที่และปัจจัยอะไรหลาย ๆ อย่างด้วย ณ ช่วงเวลานั้นน่าจะเป็นช่วงที่ทุก ๆ คนอัดอั้นจากการจัดคอนเสิร์ตมาจากโควิด-19 ทำให้ฮอลต่าง ๆ ไม่ว่าง เรื่องเพิ่มรอบก็เลยยังไม่แน่นอนครับ”

คอนเสิร์ตคราวนี้ต้องซ้อมอะไรเป็นพิเศษมั้ย?

“ไม่บอกดีกว่า มีแขกรับเชิญด้วยครับ แต่ขออุบไว้ก่อนรอติดตามกันครับ”

นางเอกคนแรกของกลัฟจะมาด้วยมั้ย?

“ไม่รู้เช่นกันครับ 555 ต้องลองติดตามกัน”

อัปเดตเรื่องสร้างบ้านหน่อย?

“ ขณะนี้ดีไซน์บ้านเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ ได้แบบที่ต้องการแล้ว เลือกรูปแบบที่เราถูกใจเป็นหลัก และก็จะมีสนามบอลด้วยครับ แต่ไม่ใช่สนามขนาด 11 คนนะครับ เป็นสนามฟุตซอลเอาต์ดอร์เล็ก ๆ แบบเล่นกัน 5-6 คน”

เพราะเหตุใดถึงอยากมีสนามฟุตบอลในบ้าน?

“ เพราะว่าถ้าสนามบอลที่อื่น เวลาเลิกงานมา อย่างเลิกกองสี่ทุ่ม เราก็ขี้เกียจอาบน้ำออกไปเตะบอลแล้ว แต่ถ้ามีสนามบอลที่บ้าน ไม่ว่าจะเวลาไหนเราก็สามารถโทร.ชวนเพื่อนมาเตะที่บ้านได้เลย”

พื้นที่บ้านหลังนี้เท่าไหร่?

“ไม่ถึง 1 ไร่ครับ”

นอกเหนือจากสนามบอลแล้ว มีอะไรพิเศษในบ้านอีก?

“ก็น่าจะเป็นห้องน้องแมวครับ ต้องการให้น้องมีที่วิ่งเล่นมากกว่าอยู่คอนโดในตอนนี้”

งบสร้างบ้านเท่าไร แล้วจะบานมั้ย?

“ คงจะโดยประมาณ 20 ล้าน ก็นับว่าจากน้ำพักน้ำแรง ถ้าถามว่าจะบานมั้ย ก็คงจะบานอยู่แล้วล่ะครับ เพราะว่าเห็นพี่ ๆ ที่รู้จัก ใครทำบ้าน ส่วนมากงบประมาณบานกันทั้งนั้น”

เตรียมบานไว้กี่เปอร์เซ็นต์?

“100% เลยละกันครับ เพราะว่าไม่รู้ว่าเราจะอยากได้อะไรเพิ่มเติมมั้ย ต้องรอดูตอนบ้านเสร็จ”

บ้านหลังนี้ถือว่าเก็บหอมรอมริบมากี่ปี?

“ก็ตั้งแต่เริ่มทำงาน โดยประมาณ 3-4 ปีได้ ก็ภูมิใจมากเลยครับ เพราะว่าความฝันเราตอนแรกก็ไม่ได้ใหญ่โต เพียงแค่ซื้อบ้านได้ ดูแลครอบครัวได้ แต่วันนี้เป็นสิ่งที่ประสบความสำเร็จมา มันก็มาไวมากเช่นกัน ต้องขอบคุณแฟนคลับ ทุกคนที่ให้การสนับสนุนผมตลอดมาครับ”